คณะอนุกรรมาธิการรัฐสภารับฟังปัญหาที่ดินอําเภอสวนผึ้ง
ทำให้ในวันนี้(12 มิ.ย.56) เวลา 10.30 น. นายวัฒนา เซ่งไพเราะ ประธานคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองเรื่องราวร้องทุกข์ของประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมกับคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ได้เดินทางไปที่ศาลาประชาคมอ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เพื่อรับฟังปัญหาในเรื่องของการบุกรุกที่ดินราชพัสดุของชาวบ้าน โดยมีชาวบ้านมาร่วมให้ข้อมูลกับคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองเรื่องราวร้องทุกข์ของประธานสภาผู้แทนราษฎร กว่า 1,000 คน ซึ่งนายวัฒนา ได้พูดถึงวัตถุประสงค์ในการลงพื้นที่มารับฟังปัญหาว่า ต้องการมารับฟังข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นพร้อมกับนำปัญหาของชาวบ้านที่เดือดร้อนทั้งหมดไปเข้าที่ประชุมเพื่อพิจาณาหาทางแก้ไข แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ซึ่งทราบว่าปัญหาการบุกรุกที่ดินราชพัสดุของชาวบ้านใน อ.สวนผึ้ง กับหน่วยงานของรัฐนั้นมีมานานแล้ว แต่ยังไม่ได้มีหน่วยงานใดเข้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหาให้อย่างจริงจัง และการลงมารับฟังปัญหาในพื้นที่นั้นก็จะต้องฟังอย่างรอบด้าน เพื่อจะได้รับฟังข้อมูลที่แท้จริง
ด้านนางสาวศิริรัตน์ แต่แดงเพชร อายุ 37 ปี ชาวบ้านในหมู่ 8 ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ก็กล่าวว่า อยู่ในพื้นที่นี้มาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ โดยถือใบ ภบท.5 และเสียภาษีให้กับทางเทศบาลตำบลสวนผึ้งทุกปี แต่จู่ก็มีหนังสือคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ให้หยุดการเสียภาษีให้กับทางเทศบาลเพราะเป็นเรื่องที่ผิด และให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่มาดำเนินการแจ้งขอเช่าพื้นที่กับธนารักษ์ จ.ราชบุรี เพราะพื้นที่ดังกล่าวนั้นเป็นพื้นที่ราชพัสดุ ที่มีหน่วยงานของทหารมาทำการขอใช้ ซึ่งแรกๆ ก็ไม่เข้าใจเพราะมีผู้นำหมู่บ้านไปบอกว่าถ้าไปเช่าแล้วต่อไปพื้นที่ก็จะตกเป็นของแผ่นดิน ทั้งที่เราทำมาหากินมาก่อน จึงไม่ได้ไปยื่นเช่า แต่เมื่อมีหน่วยงานของทหารเข้าไปชี้แจงว่า พื้นที่เดิมที่เคยทำกินก็ทำต่อไปห้ามบุกรุกใหม่ และต้องไม่อยู่ในพื้นที่ป่าต้นน้ำ ส่วนผู้ที่มาอยู่ใหม่และมาทำการแผ้วถางบุกรุกป่าจะต้องไปทำการขอเช่าพื้นที่ก่อน ซึ่งถ้าได้รับอนุญาตจึงจะเข้ามาทำประโยชน์ในพื้นที่ได้ ก็เข้าใจ แต่มาวันนี้ก็มีผู้นำชุมชนไปแจ้งว่าทหารจะยึดที่ดินคืน ให้นำเอกสารหลักฐานที่มายื่นขอพิสูจน์สิทธิ์ โดยจะมีทนายความมารับเรื่อง จากนั้นก็จะมีการออกโฉนดให้กับชาวบ้าน จึงทำให้ชาวบ้านที่ทราบข่าวก็พากันมามากมาย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าพื้นที่นี้จะออกเอกสารสิทธิ์ได้หรือไม่
สำหรับพื้นที่ในอำเภอสวนผึ้งนั้นเป็นที่ดินราชพัสดุ ที่มีกรมธนารักษ์เป็นผู้ดูแล และทางกองทัพบกได้มาใช้พื้นที่ในการฝึก และเริ่มมีปัญหามาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 หลังมีนายทุนเริ่มเข้าไปจับจองเพื่อทำบ้านพักตากอากาศ โดยมีผู้นำชุมชนในพื้นที่นั้นนำที่ดินของรัฐมาขายให้ ทั้งที่พื้นที่เดิมเป็นป่าต้นน้ำ จนทำให้มีการจับกุมกันขึ้นพร้อมทั้งยึดคืนพื้นที่บางส่วนและยังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาคดีของศาลอีกหลายพื้นที่ ซึ่งมาถึงปัจจุบันนี้มีรีสอร์ทบ้านพักตากอากาศมากกว่า 200 แห่งในพื้นที่อ.สวนผึ้ง ทั้งที่เข้าไปบุกรุกป่า และในพื้นที่ราบ จึงทำให้กรมธนารักษ์ต้องเข้าไปดำเนินการกันพื้นที่ป่าต้นน้ำไว้ และให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่จะต้องมาดำเนินการขอเช่าเพื่อจัดทำเป็นระบบ จึงทำให้ชาวบ้านเกิดความหวาดระแวงว่าถ้าจะต้องเช่านั้นอาจจะต้องเสียที่ดินที่เคยทำมาหากินไป จึงได้ไปร้องเรียนคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองเรื่องราวร้องทุกข์ของประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้มาช่วยดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
*********************************************
ภาพ/ข่าว
ภัทรพงศ์ คำเปรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น