2 สาววอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยจับแก๊งค์มิจฉาชีพ
ออกอาระวาดกระชากกระเป๋าซ้ำซาก
ประชาชนชาวราชบุรียังคงเดือดร้อนระทมซ้ำซาก หลังแก๊งค์โจรออกตระเวนปล้นชิงทรัพย์ขณะสัญจรทำกินตามท้องถนน
เผยพฤติการณ์ลักษณะรูปแบบและการแต่งกายเป็นวัยรุ่นอายุไม่เกิน 25 ปี ขณะเข้าขวางประกบตีคู่
และถีบรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายล้มลง พยายามยื้อแย่งชิงกระเป๋าสะพาย
ตามบริเวณถนนเพชรเกษม ต.เจดีย์หัก อ.เมือง จ.ราชบุรี ช่วงกลางคืน ประมาณ 22.00
น. เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จนชาวบ้านต่างหวาดกลัวไม่กล้าสัญจรผ่านไปมา ขณะที่ด้านตำรวจท้องที่ยังไม่โชว์ฝีมือตามล่า
ด้านนางสาว รวิวรรณ ชมอินทร์ อายุ 28 ปี ผู้เสียหายให้การว่า ช่วงเวลา 22.00 น. เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะตนกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านเพื่อนพี่สาวหลังจากกินเลี้ยงแสดงความยินดีที่บ้านเพื่อนพี่สาวที่ได้รับปริญญา
จบการศึกษา
จากนั้นตนเองกำลังขี่รถจักรยานยนต์เพื่อกลับบ้านซึ่งบ้านอยู่ที่บ้านเอื้ออาทรห้วยหมู
ต.เจดีย์หัก ระยะทางกลับกว่า 3 กิโลเมตร โดยมีนางสาวดวงพร แก้ววิเชียร อายุ 32 ปี
พี่สาว นั่งซ้อนท้ายมาและมีกระเป๋าสะพายใบใหญ่ อยู่ที่หน้าตัก
เมื่อขับมาถึงยังบริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นถนนสายเพชรเกษม ต.เจดีย์หัก อ.เมือง
จ.ราชบุรี และเป็นที่มืด
ซึ่งตนได้สังเกตว่ามีวัยรุ่นจอดรถอยู่ปากทางออกห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดราชบุรี
ข้างถนนประมาณ 3 คน
หลังจากนั้นตนก็ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านไป ประมาณ 100
เมตร
ได้มีคนร้ายเป็นชายขี่รถจักรยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟสีเทาดำไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนจำนวน
1คนลักษณะรูปร่างผอมสูงโป่งประมาณ 160 ซม. คนขับรถไม่สวมหมวกกันน็อค ไว้ผมหัวเกรียนใส่เสื้อลายสก๊อต อายุประมาณ 20 -25 ปี ได้ขับรถไล่ตามหลังประกบรถของตนเองมา
ซึ่งไม่เปิดไฟหน้า ก่อนที่คนร้ายใช้มือข้างหนึ่งกระชากกระเป๋าของพี่สาว
คนนั่งซ้อนท้าย ซึ่งขณะนั้นตนเองและพี่สาว ตกใจมากจนทำให้รถเสียหลักล้มลง
กลิ้งไปหลายตลบ จนได้รับบาดเจ็บทั้งใบหน้าและลำตัว ส่วนพี่สาว ที่นั่งซ้อนท้ายได้รับบาดเจ็บที่ไหลซ้ายหลุด กระดูกร้าว
และนิ้วโป้งเท้าขวาหัก โดยคนร้ายตกใจและไม่ได้ทรัพย์สินไป
ซึ่งโชคดีที่คนร้ายไม่ได้ทำอันตรายตนเองจนถึงชีวิต ขณะนี้ตนเอง และพี่สาว ยังนอนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลกว่า
1 อาทิตย์แล้ว อีกทั้งยังมีชาวบ้านอีกหลายคนที่ตกเป็นเหยื่อเหมือนตนเอง
อีกหลายคนที่โดนบริเวณเดียวกันโดยเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นหลังจากเกิดเหตุขึ้นจนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถที่จะติดตามคลี่คลายคดีหรือจับกุมตัวคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายได้แต่อย่างใดทั้งที่พฤติการณ์ในการก่อเหตุคนร้ายลงมือบ่อยครั้ง
และสะเทือนใจต่อประชนชนที่ได้สัญจรไปมา เนื่องจากถนนมืด
โดยอย่างวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลในส่วนนี้ด้วย
****************************************
ภาพ/ข่าว
ภัทรพงศ์ คำเปรม
18/07/56
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น