ประมงลงตรวจสอบพื้นที่ที่พบจระเข้ แต่กลับพบซากจระเข้จำนวนมากแทน
หลังจากที่มีข่าวเรื่องที่มีผู้ไปพบจระเข้ขึ้นมานอนผึ่งแดดอ้าปากบนถังน้ำมัน 200ลิตรข้างกระชังปลาทับทิมที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้บริเวณริมแม่น้ำแม่กลอง หมู่ 4 ต.ท่าราบ อ.เมือง จ.ราชบุรี และยังมีผู้ไปงมพบซากจระเข้ในแม่น้ำแม่กลองได้อีก จึงทำให้ชาวบ้านหวาดกลัวไม่กล้าลงไปเล่นน้ำหรือลงไปงมหาปลาหากุ้งในแม่น้ำอีกเพราะเกรงว่าจะเป็นอันตราย โดยเฉพาะชาวบ้านที่เลี้ยงปลาในกระชังริมแม่น้ำแม่กลองก็เกรงว่าจระเข้จะมากัดตาข่ายที่เลี้ยงปลาไว้ทำให้ปลาหลุดออกไปหมด จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวได้ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริง
ทำให้ในวันนี้(21 พ.ค.56) เวลา 13.30 น. นายมานิต นพอมรบดี ส.ส.พรรคภูมิใจไทย จ.ราชบุรี นายณรงค์ ครองชนม์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี นายเกียรติศักดิ์ โฆษิตชัยวัฒน์ ประมงจังหวัดราชบุรี และเจ้าหน้าที่มูลนิธิปฐมบรมราชานุสรณ์ ได้ลงตรวจสอบพื้นที่ที่ชาวบ้านอ้างว่าพบจรเข้ที่บริเวณริมแม่น้ำแม่กลอง หมู่ 4 ต.ท่าราบ อ.เมือง พร้อมกับให้ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯลงงมหาซากจรเข้ที่มีผู้ไปงมพบมาแล้วในบริเวณแม่น้ำแม่กลองใกล้กับจุดที่พบจรเข้ตัวจริง ซึ่งก็พบว่ามีซากจระเข้ถูกทิ้งอยู่แม่น้ำเพิ่มอีกจำนวนมาก
โดยนายนายเกียรติศักดิ์ โฆษิตชัยวัฒน์ ประมงจังหวัดราชบุรี ก็บอกว่า สำหรับซากจระเข้ที่มีการงมขึ้นมาได้จากในแม่น้ำแม่กลองนั้น ในเบื้องต้นเราพบในพื้นที่เดียวกัน มีตะใคร่น้ำจับแสดงว่าน่าจะนานพอสมควร และมารวมอยู่ที่เดียวกันได้อย่างไรคงจะต้องไปทำการตรวจสอบกันอีกครั้ง ส่วนร้านอาหารป่านั้นคงจะไม่มีการนำไปขายให้เพราะจะต้องมีการขึ้นทะเบียนของแต่ละฟาร์ม และถ้ามีการเกิดหรือการย้ายออกจะต้องแจ้งเพื่อดำเนินการคัดออกจากบัญชี เพื่อนำไปเข้าบัญชีของฟาร์มใหม่หรือถ้าย้ายไประหว่างจังหวัดก็จะต้องมีหนังสือนำ โดยจะต้องลงลายละเอียดว่ามีจำนวนเท่าไหร่ วันที่ย้าย และใช้รถอะไรเคลื่อนย้าย และต้องไปแจ้งให้ประมงพื้นที่ใหม่ได้รับทราบภายใน 5 วันนับจากวันที่ได้รับอนุญาต และทั้งจังหวัดราชบุรี เองก็มีฟาร์มจระเข้ทั้งหมด 28 ฟาร์ม ส่วนใหญ่จะเลี้ยงเชิงพาณิชย์ทั้งหมด
ส่วนหัวจระเข้ที่พบนั้นจะต้องนำไปประสานกับเจ้าหน้าที่กรมประมงที่ดูแลเรื่องจระเข้โดยตรง เรื่องลักษณะและอายุ ซึ่งคาดว่าจะเป็นจระเข้เลี้ยงไม่ใช่จระเข้ป่า เพราะถ้าเป็นจระเข้ป่าหรือธรรมชาตินั้นจะเป็นสัตว์สงวนที่ขึ้นบัญชีกับไซเตส แต่เชื่อว่าซากจระเข้ที่พบนั้นอาจจะเป็นการลักลอบนำออกมาชำแระเองและนำซากมาทิ้งในบริเวณนี้ ซึ่งคงจะต้องทำการสืบสวนให้ชัดเจนอีกครั้ง
ส่วนเรื่องของจระเข้ตัวจริงที่ชาวบ้านไปพบนั้นก็ได้ลงมาตรวจสอบและพูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่เพื่อขอข้อมูลแล้ว รวมทั้งจะนำเรือตรวจการณ์จากเขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี มาทำการล่องเรือตรวจในบริเวณที่มีชาวบ้านพบตัวจระเข้ ซึ่งถ้าพบก็จะดำเนินการจับทันทีเพื่อให้ชาวบ้านคลายกังวล แต่ในช่วงนี้ก็ขอว่าอย่าเพิ่งลงไปทำกิจวัตรใดในแม่น้ำเพราะถ้ามีจระเข้จริงก็อาจจะเกิดอันตรายได้
******************************************
ภาพ/ข่าว ภัทรพงศ์ คำเปรม
23/05/56
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น