โรงไฟฟ้าราชบุรี เตรียมเชื้อเพลิงสำรองผลิตกระแสไฟฟ้าหลังพม่าปิดบ่อก๊าซ

โรงไฟฟ้าราชบุรี เตรียมเชื้อเพลิงสำรองผลิตกระแสไฟฟ้าหลังพม่าปิดบ่อก๊าซ

 

หลังจากที่ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตได้รับแจ้งจากประเทศพม่าว่าจะทำการปิดซ่อมบำรุงท่อก๊าซธรรมชาติในบ่อก๊าซเยนาดาและเยาตากุน ในประเทศพม่า ในช่วงวันที่ 5-13 เมษายน 2556 ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยที่นำก๊าซจากประเทศพม่ามาผลิตกระแสไฟฟ้า อาจจะทำให้เกิดไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่ ในเรื่องนี้นายเกรียงฤทธิ์ เจียจันทร์พงษ์กรรมการผู้จัดการ บริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด ได้ออกมาเปิดเผยว่า บริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด รวมทั้งบริษัท ราชบุรี เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ติดกันนั้น ได้ใช้ก๊าซธรรมชาติจากประเทศพม่ามาผลิตกระแสไฟฟ้าเป็นเชื้อเพลิงหลัก แต่เมื่อมีการแจ้งว่าจะทำการปิดบ่อก๊าซเพื่อปรับปรุงประจำปี ซึ่งในปีนี้อาจจะใช้เวลาหลายวันนั้น

ทางบริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด ก็ได้เตรียมสำรองเชื้อเพลิงไว้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าให้ประชาชนได้ใช้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็คือน้ำมันเตาที่จะต้องมีกำมถัน 2% โดยน้ำหนัก เพราะอุปกรณ์ในการผลิตของบริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด นั้นได้ถูกออกแบบมาให้เป็นพลังงานความร้อนร่วม คือใช้ได้ทั้งก๊าซธรรมชาติและน้ำมันเตา ซึ่งขณะนี้ทางบริษัทได้รับแจ้งว่าจะมีการปิดบ่อก๊าซเพื่อปรับปรุง ก็ได้ทำการตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆในการที่จะใช้น้ำมันเตา เพราะบริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด และบริษัทราชบุรีเพาเวอร์ จำกัด นั้นเป็นผู้ผลิตกระแสไฟฟ้า 1 ใน 3 ของประเทศ

จึงต้องมีการเชื้อเพลิงสำรองไว้  แต่จะไม่เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมใดๆ เนื่องจากเรามีอุปกรณ์กำจัด ก๊าซซัลเฟอร์ไดอ๊อกไซค์ ที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดได้ถึง 97.2 % และมีสถานีตรวจวัดในชุมชนโดยรอบถึง 4 สถานี จึงมั่นใจได้ว่าแม้ว่าจะไม่ได้ใช้ก๊าซธรรมชาติมาผลิตกระแสไฟฟ้า แต่เรามีน้ำมันเตาเป็นเชื้อเพลิงสำรองอยู่ ส่วนผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องไฟฟ้าดับแต่อาจจะเป็นเรื่องของค่าไฟที่เพิ่มขึ้นเพราะราคาของน้ำมันเตานั้นแพงกว่าก๊าซธรรมชาติเกือบครึ่งหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการปิดบ่อก๊าซไปบ้างแล้ว และทางบริษัทผลิตไฟฟ้าก็ใช้น้ำมันเตาผลิตกระแสไฟฟ้าแทนมาแล้ว แต่ประชาชนที่ใช้อาจจะไม่รู้สึกอะไรเพราะไม่มีไฟดับ หรือไฟตก แต่ทุกครั้งก็จะมีการแจ้งให้กับประชาชนได้รับทราบก่อนทุกครั้งที่ทางบริษัทจะเปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิง และในวันที่ 17 มี.ค.56 ก็จะมีการปิดบ่อก๊าซเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ก่อนที่จะมีการปิดซ่อมยาวในช่วงเดือนเมษายน

แต่ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในช่วงที่มีการเปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิง จากก๊าซธรรมชาติมาเป็นน้ำมันเตานั้น นั่นคือเรื่องของการขนส่งน้ำมันเตาที่ทางปตท.จะต้องดำเนินการส่งมาเก็บสำรองไว้ที่ถังเก็บน้ำมันเตาที่ จ.ราชบุรี ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม เพราะขณะนี้เรามีน้ำมันเตาอยู่เพียงแค่ 61ล้านลิตร  แต่ในช่วง 9 วัน ทางบริษัทฯจะต้องใช้น้ำมันเตาแต่ละวันมากกว่า 7.2 ล้านลิตร  รวม 9 วัน ต้องใช้มากกว่า 63ล้านลิตร ซึ่งอาจจะเกิดเรื่องของการจราจรเพราะรถที่ขนส่งนั้นค่อนข้างใหญ่ และมาต้องมาส่งตลอดในช่วงที่มีการเปลี่ยนการใช้พลังงาน แต่ทางบริษัทฯก็ได้เตรียมเจ้าหน้าที่ในการดูแลในเรื่องเหล่านี้แล้วและจะพยายามทำให้เกิดปัญหาที่น้อยที่สุด

***************************************

ภาพ/  สุชาติ  รอดบุญพา

ข่าว/  กาญจนา  สิมมา

27/02/56