วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

รมช.เกษตรฯ ตรวจราคาผักในสวนผักที่ อ.ดำเนินสะดวก







รมช.เกษตรฯตรวจราคาผักในสวนผักที่ อ.ดำเนินสะดวก
            
เมื่อเวลา 10.30 น.ของวันที่ 13 พ.ค.55  นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางไปที่สำนักงานเกษตรอำเภอดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี เพื่อรับฟังข้อมูลและราคาพืชผักตั้งแต่ออกจากแปลงผักไปจนถึงผู้บริโภคโดยมีนายชนม์ชื่น บุญญานุสาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี  นายนภินทร ศรีสรรพางค์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย นายบุญดำรง ประเสริฐโสภา  ส.ส.พรรคภูมิใจไทย  จ.ราชบุรี  และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมให้ข้อมูล   

เนื่องจากพื้นที่ จ.ราชบุรี นั้นมีการผลิตสินค้าเกษตรเป็นอันดับ 3ของประเทศ  แต่ผลผลิตทางการเกษตรที่ออกมาในช่วงนี้กลับลดลงอย่างมาก ทำให้สินค้าการเกษตรนั้นมีราคาแพงสูงขึ้นอีกเท่าตัว โดยเฉพาะผักคะน้า  ออกจากแปลงผักไปในราคากิโลกรัมละ 24  บาท  แต่เมื่อถึงผู้บริโภคจะมีราคาสูงถึง 35 บาท  ราคาถั่วฝักยาวออกจากแปลงผักราคาก.ก.ละ 60 บาท แต่ถึงผู้บริโภคราคาก.ก.ละ 70 บาท โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ข้อมูลว่า ราคาผักที่แพงขึ้นนั้นมีหลายปัจจัย ทั้งสภาพของอากาศที่ร้อนจัด  ราคาวัตถุดิบที่เป็นปัจจัยของการผลิตนั้นราคาสูง และกลไกตลาดที่มีการผูกขาด  นอกจากนี้พื้นที่ปลูกพืชผักในอำเภอดำเนินสะดวกนั้นก็ลดลงเกษตรกหันไปปลูกพืชยืนต้นเช่นมะพร้าวแทน ทำให้ผลผลิตที่ออกมานั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้ราคาขยับสูงขึ้น
      
หลังจากนั้นนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางไปเยี่ยมแปลงปลูกผักคะน้าของนายเสน่ห์  จูงใจ  ซึ่งอยู่ในหมู่ บ้านหนองสลิด ต.ดอนกรวย อ.ดำเนินสะดวก   พร้อมกับกล่าวว่า  หลังจากที่ได้ร่วมพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วก็เห็นพ้องต้องกันว่า สาเหตุที่ทำให้พืชผักบางรายการขยับตัวสูงขึ้นในช่วงนี้มีหลายปัจจัย ทั้งอุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้อากาศร้อนจัด ผลผลิตทางการเกษตรก็ลดลงทำให้มีราคาสูงขึ้น  ปัจจัยการผลิตที่สูงขึ้นทั้งค่าปุ๋ย ค่ายา  ซึ่งก็จะรับไปนำเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการต่อไป   

และเรื่องของกลไกทางการตลาดซึ่งถ้าตลาดใดที่มีการผูกขาดราคา ขาดความเป็นเสรีผู้บริโภคก็จะเป็นผู้รับภาระ ราคาสินค้าก็จะแพงขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น  ซึ่งทุกหน่วยงานก็เห็นตรงกันว่าราคาสินค้าน่าจะบวกขึ้นประมาณ 50%จากราคาที่ออกจากแปลง เช่นผักคะน้าที่ออกจากแปลงปลูกราคา 10บาท ไปสู่ตลาดค้าส่ง ไปสู่ร้านค้าปลีกและถึงผู้บริโภคราคาก็จะอยู่ที่ กก.ละ 15 บาท ซึ่งน่าจะเป็นธรรมกับผู้บริโภค  และถือว่าเป็นกลไกทางการตลาดที่มองว่าเป็นธรรม ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของกลไกรัฐที่หน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องไปดำเนินการแก้ไข  ติดตามดูที่ปลายทางว่าอยู่ในกลไกนี้หรือไม่ และจะต้องมีมาตราการกำกับดูแลเพื่อลดภาระให้กับประชาชน และยังฝากบอกกับประชาชนว่าราคาพืชผักในช่วงนี้เป็นไปตามกลไกของตลาด ซึ่งถือว่าปกติและยุติธรรม  หลังจากนี้ประมาณเดือน มิถุนายน  ราคาก็ลดลงมาและรัฐบาลก็จะไม่ละเลยในการเข้าไปดูแลด้วย




****************************************
ภาพ/  สุชาติ  รอดบุญพา
ข่าว/  กาญจนา  สิมมา
13/05/55

ไม่มีความคิดเห็น: