พบตั๊กแตนประหลาดเสียงร้องดังคล้ายนก
เมื่อวันที่ 5 ก.ย.55 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าที่บ้านเลขที่ 143/1 หมู่ 3 หมู่บ้านทุ่งแหลม ต.ป่าหวาย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นบ้านของนาง
โดยนางสมัย เกตุจันทึก ผู้ที่พบตั๊กแตนตัวนี้คนแรกก็เล่าให้ฟังว่า ตนนั้นมีอาชีพเป็นกรรมกรก่อสร้างและไปทำงานก่อสร้างที่ ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง ในช่วงเย็นของวันที่ 3 ก.ย.55 ที่ผ่านมา เห็นมีตั๊กแตนมาเกาะที่ผนังปูน ตอนแรกก็เข้าใจว่าเป็นรูปปั้นก็ตุ๊กตา แต่พอลองเข้าไปจับดูก็รู้ว่าเป็นตัวตั๊กแตนจริงๆ แต่มีสีเขียวอ่อนทั้งตัวเห็นว่าสวยดีจึงได้จับมาดู จากนั้นตั๊กแตนตัวนี้ก็ส่งเสียงร้องซึ่งฟังดูคล้ายกับเป็ดหรือนก จึงได้นำมาใส่กรงแล้วเอากลับมาให้ญาติๆ ดู พอใครมาดูตั๊กแตนก็ส่งเสียงร้อง โดยเฉพาะตอนกลางคืนจะร้องเสียงดังมาก ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องประหลาดเพราะตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยเห็นตั๊กแตนร้องเสียงดังได้ขนาดนี้
สอบถามผู้สูงอายุหลายคนก็บอกว่าไม่เคยเห็น จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไปช่วยตรวจสอบดูว่า เป็นตั๊กแตนชนิดใด ทำไมส่งเสียงร้องได้ และถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะนำไปศึกษาก็ยินดีที่จะให้เพราะตนเองก็เลี้ยงไม่เป็น ได้แต่นำน้ำกับผลไม้ไปให้กินก็ไม่รู้ว่าตั๊กแตนนั้นจะกินได้หรือไม่
ด้านนายเผด็จ กระจ่างยุทธ์ เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน ได้ให้รายละเอียดว่า ตนเองนั้นพอจะมีความรู้เรื่องแมลงอยู่บ้าง ซึ่งแมลงที่ชาวบ้านไปพบและร้องเสียงดังนั้น เชื่อว่าน่าจะเป็น แมงน้ำฝน แมงง่วง หรือก็เรียกกันว่า ตั๊กแตนใบโศก ตั๊กแตนหมู ตั๊กแตนใบไม้เทียมยักษ์ เป็นตั๊กแตนหนวดยาว เป็นตั๊กแตนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นหนึ่งในตั๊กแตนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วย เพศผู้สามารถทำเสียงได้ดังโหยหวนมากในเวลากลางคืน หรือ พลบค่ำโดยมีอวัยวะในการทำเสียง ที่โคนปีกคู่หน้าซึ่งใช้ในการเสียดสีกันจนเกิดเป็นเสียงดังรูปร่างของปีกคล้ายใบไม้เขียว เพื่อการพรางตาศัตรู ขาหลังมีขนาดยาวและมีปลายหนาม
แมงอันนี้ นี้มีนิสัยการกินอาหารในเวลากลางคืน ส่วนในเวลากลางวันมักจะเกาะนิ่งๆ แทบไม่เคลื่อนที่และไม่กินอาหารเลย อาหารของมันคือ ใบอ่อน และเปลือกอ่อนของพืช ในตระกูล ต้นไทร ซึ่งถือเป็นแมลงที่หายาก เพราะในปัจจุบันนั้นป่าไม้เหลือน้อย และสภาพอากาศที่แล้งนานทำให้แมง ง่วง หรือ แมง น้ำฝน นั้นเกือบจะสูญพันธุ์ไปแล้ว
*************************************
ภาพ/ สุชาติ รอดบุญพา
ข่าว/ กาญจนา สิมมา
07/09/55
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น